MovieHDFree “Henry Cavill” บางทีอาจหลุดโผเป็น ‘เจมส์ บอนด์’ คนใหม่ ข้างหลังค่ายอยากได้ผู้แสดงอายุ 30 ต้นๆ

MovieHDFree ภายหลังที่ แดเนียล เคเกลื่อนกลาด (Daniel Craig) กล่าวลาบทเจมส์ บอนด์ ที่เขาแสดงมา 15 ปี ทำให้บทของผู้แสดงนี้ยังคงว่างอยู่รวมทั้งรอว่าที่ เจมส์ บอนด์ คนถัดไปมารับช่วงต่อ แต่ว่าปัจจุบันนี้พวกเราได้รู้ถึง ขอบเขตที่คณะทำงานอยากได้ดารามารับช่วงต่อแล้ว โดยหลักเกณฑ์ที่คณะทำงานอยากได้เป็นดาราอายุ 30 ต้นๆ

“กระแสข่าวลือปัจจุบัน และก็นิดหน่อยบางทีอาจเป็นความจริง ผู้อำนวยการผลิตภาพยนต์หัวข้อนี้กำลังมองหาดาราบทเจมส์ บอนด์อายุน้อย มารับช่วงต่อ อายุสัก 30 กว่าๆเพราะเหตุว่าตอนท้าย ผู้แสดงคนนั้นจำเป็นต้องมารับบทเจมส์ บอนด์ 3 ภาคถัดจากนี้ เขาอยากได้ดาราหนังสักผู้ที่ทำเป็นราวกับคนก่อน”

สิ่งที่คิงออกมาบอก นับว่าเป็นคำบอกเล่าที่ค่อนข้างจะมีเหตุผลเนื่องจากว่าพวกเราจำต้องรู้เรื่องว่า อายุดาราก็มีความเกี่ยวข้องต่อการถ่ายทำ ถ้าหากอายุยิ่งน้อยจะเหมาะสมกว่าในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายๆภาค แน่ๆว่าแม้ค่ายยึดหลักกฏเกณฑ์นี้ขึ้นมาใคร่ครวญอย่างเป็นจริงเป็นจัง โน่นอาจส่งผลให้เหล่าดาราที่เป็นตัวเต็งของบทนี้อย่าง เฮนรี แควิลล์ (Henry Cavill), เหนื่อยริส เอลบา (Idris Elba) รวมทั้ง ทอม ฮาร์ดี (Tom Hardy) หลุดโผอัตโนมัติ เนื่องจากอายุเกิน

ปี 2022 นี้ แควิลล์จะแก่ 39 ปี เอลบา อายุ 49 ปี และก็ ฮาร์ดี 44 ปี

เพราะเหตุนี้ก็เลยมีข่าวซุบซิบตามมาว่า เรกเก้-ฌอง เพจ (Regé-Jean Page) คนรับบทแสดงเป็น ไซม่อน บาสเซ็ต (Simon Basset) หรือ ดยุยงกที่เฮสติ้งส์ (Duke of Hastings) ในซีรีส์ ‘Bridgerton’ ได้ขึ้นมาเป็นตัวเต็งเล่นบท 007 คนถัดไปเนื่องจากว่าในขณะนี้นั้นเขาอายุเพียงแต่ 34 ปีแค่นั้น จัดว่าตรงเกณฑ์ 30 ต้นๆที่ค่ายอยากได้พอดิบพอดี

เว้นเสียแต่เพจจะเป็นว่าที่ กางล็คแพนคุณร์ คนถัดไปแล้ว ยังเป็นว่าที่ เจมส์ บอนด์ คนถัดไปอีกด้วย ถือว่าเนื้อหอมไม่ใช่น้อย

งานนี้พวกเราอาจจะจำต้องรอคอยประกาศอย่างเป็นทางการ ว่าท้ายที่สุดผู้อำนวยการผลิตภาพยนตร์จะเลือกคนไหนมาเป็น เจมส์ บอนด์ คนถัดไป ด้วยเหตุว่าการเลือกเฟ้นดาราหนังใหม่คราวนี้น่าจะยิ่งใหญ่เสมือนเป็นวันหยุดประจำชาติอังกฤษอย่างแน่แท้ MovieHDFree

REVIEW สารคดี ‘โลกใบนี้ที่ว่ากลม | Behind the Curve’ เล่าโลกใบเล็กที่ความศรัทธาอดทนกว่าข้อเท็จจริง

มั่นใจว่าถ้าเกิดย้อนไปเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมาอาจไม่มีผู้ใดคาดหมายหรอกว่า เทคโนโลยีทางด้านการทหารที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาการติดต่อสื่อสารในการทำศึกนั้น จะฯลฯเกิดของ ‘อินเทอร์เน็ต’ สิ่งหนึ่งอันเป็นปัจจัยหลักของโลกพวกเราในปัจจุบัน เว็บพนัน bet

…รวมทั้งผู้ใดจะไปคิดล่ะว่า ‘คอมพิวเตอร์แท็บแล็ต’ ที่อยู่ในหนังเรื่อง ‘Star Trek’ เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา จะเปลี่ยนมาเป็นวัสดุอุปกรณ์ที่พวกเราเอาไว้นอนมองซีรีส์เรื่อง Star Trek ได้อย่างง่ายๆในทุกวันนี้! แล้วคุณเชื่อไหมล่ะว่า? ในสมัยที่มนุษย์เราทะยานอยากออกไปค้นหาข้อเท็จจริงมาแล้วล้นหลาม อีกทั้งอวกาศกว้างรวมทั้งก้นมหาสมุทรที่ลึกเกินเล่า แต่มีคนกรุ๊ปหนึ่งที่ยังคงมั่นใจว่า ‘โลกใบนี้แบน’ แถมคนกลุ่มนี้ก็มิได้มีปริมาณน้อยๆซะด้วยสิ…

เรื่องย่อ ‘โลกใบนี้ที่ว่ากลม | Behind the Curve (2018)’

MovieHDFree เรื่องราวมันเริ่มจากสมาชิกตัวท็อปของกรุ๊ป Flat Earther ที่มีชื่อว่า Mark Surgent ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาเองก็เคยเป็นคนๆหนึ่งที่มั่นใจว่าโลกกลมมานานไม่ได้ต่างอะไรจากใครๆแม้กระนั้นอยู่มาวันหนึ่ง เขาได้บังเอิญพบกับคลิปยูทูบของสมัยก่อนผู้รับจ้างของหน่วยงาน NASA คนหนึ่งที่มีความเห็นว่าโลกแบน แต่ว่ายิ่งเขาอุตสาหะชี้แจงข้อสมมติของประเด็นนี้กับผู้อื่นมากเพิ่มขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งแปลงเป็นตัวตลกในสายตาของใครๆเยอะขึ้นเรื่อยๆเพียงแค่นั้น แต่ว่าผู้ใดจะไปคิดล่ะว่านั่นล่ะที่เป็นตัวจุดประกายความพึงพอใจของ Mark Surgent เข้าอย่างจัง เขาก็เลยบากบั่นค้นคว้าในดูเหมือนจะทุกข้อมูล(บนโลกอินเทอร์เน็ต) เท่าที่เขาจะหาได้ กระทั่งเมื่อรู้ตัวอีกครั้ง เขาก็แปลงเป็นสมาชิกคนสำคัญของชาว Flat Earther ไปซะแล้ว รวมทั้งซึ่งก็คือจุดเริ่มเพียงแต่ส่วนเล็กๆที่สารคดีหัวข้อนี้จะพาพวกเราไปรู้จักกับโลกใบใหม่ใบนี้ได้อย่างเจาะลึกรวมทั้งเป็นกลางที่สุด ในแบบที่พวกเราผู้ชมสามารถเต็มอกเต็มใจรวมทั้งเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างกันนี้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำเป็นเลยล่ะ

ความรู้สึกข้างหลังมอง ‘โลกใบนี้ที่ว่ากลม | Behind the Curve (2018)’

จำต้องบอกกันตามจริงว่าสำหรับสารคดีโลกแบนหัวข้อนี้ เพียงแค่ Synopsis อย่างคร่าวๆที่มองเห็นอยู่บนหน้าหนัง ก็สามารถล่อใจให้คนกดเข้าไปมองต่อได้อย่างง่ายๆแล้วล่ะ เนื่องจากว่าพวกเรามั่นใจว่าหลายท่านก็คงจะต้องการจะทราบเช่นเดียวกันว่าในช่วงนี้ ฝูงคนที่ยังคงมั่นใจว่า ‘โลกแบน’ นั้น เขาจะเป็นคนแบบไหน? ดำรงชีวิตอย่างไร? แล้วอะไรที่ทำให้เขาเชื่อแบบงั้น?

ซึ่งแน่ๆว่าสารคดีสามารถพาพวกเราดำตรงแล้วก็จมลงไปได้ลึกมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอคติของบุคคลภายนอกอย่างพวกเราๆที่ต้องการจะท้าแนวคิดสุดขั้วของพวกเขา ด้วยการพยายามเปิดใจฟังสิ่งพิสูจน์ต่างๆกระทั่งเมื่อมองสารคดีประเด็นนี้จบ ความนึกคิดท้าก็แปรไปเป็นความรู้เรื่องแล้วก็การยินยอมรับกฎของการอยู่ร่วมกันบนความนึกคิดต่างได้มากขึ้น นี่แหละอย่างแรกที่พวกเราจะได้จากสารคดีประเด็นนี้ รวมทั้งมันเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดเลยก็ว่าได้

จำเป็นต้องยกย่องว่าตัวสารคดีทำเป็นดีเยี่ยมสำหรับการเสนอมุมมองของผู้ที่มีความคิดกันว่าโลกแบน มาถ่ายทอดแล้วก็ติดต่อกับผู้ชมที่แน่ๆว่าโดยมากจะต้องคิดไม่เหมือนกัน ให้ออกมาได้อย่างเป็นกลางและไม่วินิจฉัยฝ้ายข้างใดข้างหนึ่งได้จริงๆด้วยการตัดสลับฟุตเทจไปๆมาๆระหว่างภาพวิถีชีวิตอันแสนธรรมดาสุขของเหล่าบรรดาสมาชิกกรุ๊ป Flat Earther ระดับท็อป ที่ทำให้พวกเราได้มองเห็นนิสัย การใช้ชีวิต รวมทั้งความรู้สึกสันโดษที่พวกเขาเหล่านั้นจำเป็นต้องพบเจอ จากการเช็ดกผลักไสไล่ส่งจากครอบครัวรวมทั้งคนที่อยู่รอบข้างเพียงแต่เพราะว่าพวกเขามั่นใจว่า ‘โลกแบน’ ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้วลัทธิหรือสัมพันธ์กลุ่มนี้ก็เลยไม่มีความแตกต่างกับ ‘ที่พึ่งทางด้านจิตใจ’ ของเหล่าผู้ที่คิดต่างก็เพียงแค่นั้น

รีวิวซีรีส์ ‘THE I-LAND’ อีกหนึ่งพล็อตติดเกาะที่น่าดึงดูด แต่ว่าไปไม่ถึงฝั่ง

MovieHDFree เดี๋ยวนี้กระแสของซีรีส์เรื่อง ‘คว้างเคว้ง’ Original Netflix เรื่องแรกของไทยยังคงเป็นที่กล่าวถึงอย่างหนาหู วันนี้พวกเราก็เลยต้องการจะมาชี้แนะอีกหนึ่งซีรีส์แนว Survival บนเกาะร้างสุดลึกลับ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ‘THE I-LAND’ ก็เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ถูกปลดปล่อยสตรีมไม่งอยู่บนหน้าหลักของ Netflix มาครู่หนึ่งแล้วแบบเดียวกัน แม้กระนั้นมันกลับไม่ค่อยเป็นที่เอ๋ยถึงในวงกว้างสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเค้าโครงเรื่องแล้วก็ภาพโปรโมตนั้นมีความน่าดึงดูดใจอยู่ไม่น้อย และก็จะเป็นเนื่องจากว่าสาเหตุอะไรนั้น? คงจะจำต้องขอให้ทุกคนติดตามอ่านเนื้อหานี้ให้จบแล้วล่ะ

เล่าราวของคน 10 ผู้ที่ตื่นมาบนเกาะร้างไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิต โดยที่ทุกคนนั้นจะมีของประจำตัวมาเพียงแค่คนละ 1 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นมีด ขวาน และยังรวมไปถึงหอยแตรสังข์! ที่สำคัญทุกคนจะมีลักษณะอาการ ‘จำอะไรไม่ค่อยได้ชั่วครั้งคราว’ ที่ทำให้พวกเขาจำเรื่องราวในสมัยก่อนและก็ยังรวมทั้งชื่อของตนมิได้แม้แต่น้อย ความงงงันงวยงงแล้วก็นิสัยที่ไม่เหมือนกันแบบสุดขีด ทำให้พวกเขาจำต้องทนอยู่ร่วมกันโดยไม่มีซึ่งความไว้เนื้อไว้ใจ รวมทั้งจำต้องบากบั่นช่วยเหลือกันปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น เพื่อเอาชีวิตรอดจากเกาะนี้ให้ได้ แม้ว่าจะมีเหตุแปลกเกิดมากมายก็ตาม

ความรู้สึกข้างหลังมอง ‘THE I-LAND’

เกือบจะพูดได้ว่าเป็นปัญหาที่ยากรวมทั้งโหดเหี้ยมหินมากมายจริงๆสำหรับคนทำหนังที่เลือกจะถือเอาเค้าโครงเรื่องสุด คลิเช (cliche=ซ้ำซาก) อย่าง ‘การเอาตัวรอดบนเกาะร้าง’ ที่ส่งผลงานขึ้นหิ้งให้มองเห็นกันอยู่แล้วมากบนโลกภาพยนตร์และก็ทีวี มาแปลความใหม่พร้อมเล่าให้มีความน่าดึงดูดใจและก็จำเป็นต้องไม่ให้ภาพจำจากหนังเรื่องอื่นๆมากมายลบจุดยืนของหนังตนเองกระทั่งถูกกลืนไปเสียหมด ปัญหาระดับพระรอยดำกลุ่มนี้ก็เลยมักถูกผู้ผลิตแก้ปัญหากลับด้วยงานสร้างสุดประดิษฐ์รวมทั้งวิจิตรตระการตา ใส่จุดขายของเรื่องที่แปลกใหม่น่าประทับใจ และก็ยังรวมทั้งดาราหนังที่เลือกนำออกมาใช้ก็จำต้องน่าสนใจมากพอที่จะดึงผู้ชมเอาไว้ไม่ให้ปิดหนีไปเสียก่อน ซึ่งหนังแนว ‘Survival’ อย่างงี้มันก็มีหลายเรื่องที่มีครบทุกเรื่องสำคัญในแบบผู้ชมปรารถนา แม้กระนั้นก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไปไม่ถึงมาตรฐานใดสักข้ออย่างเดียวกัน

‘THE I-LAND’ ก็เลยเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เปิด 2 EP. แรกไว้ได้น่าดึงดูดรวมทั้งน่าติดตามมากมายๆบางทีอาจด้วยเหตุว่าขั้นแรกๆนั้น แม้กระทั่งมีการเริ่มเรื่องราวด้วยฉากคลาสสิกสไตล์หนังติดเกาะเหมือนเรื่องอื่นๆทั่วๆไป แต่ว่าการปูเรื่องราวความเร้นลับรวมทั้งความเป็นมาของเกาะร้างพร้อมกับคนอีก 10 ผู้ที่อีกทั้งต่างพื้นเพต่างนิสัยเอาไว้ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ บวกกับการทิ้งเงื่อนสงสัยไว้ภายในดูเหมือนจะทุกๆSequence ของทีแรกๆ ทำให้พวกเราผู้ชมยิ่งทวีความต้องการอยากจะรู้อยากจะเห็นและก็ความมุ่งมาดไปแล้วว่ามันควรจะมีอะไรให้น่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งกว่านี้อีกอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้ตอนต้นประเด็นนั้นก็เลยแอบมีกลิ่นของหนังเอาชีวิตรอดสุดคลาสสิกชวนดูอยู่ไม่น้อย แต่ว่าพอเพียงพ้นตอน 2 EP. นี้ไป หนังก็ทำลายความมุ่งมาดของผู้ชมจนถึงหมดไป

เมื่อยิ่งดำเนินเรื่องไปเรื่อยก็ยิ่งมีพล็อตรองอื่นๆเข้ามาแทรกจำนวนมากขึ้นในตอนที่เค้าเรื่องหลักเกือบจะไม่เฉลยคำตอบอะไร จนถึงความน่าระทึกใจแปลงเป็นความงงที่ผู้ชมเริ่มตามไม่ทัน แล้วก็เริ่มจูนกับเรื่องราวไม่ค่อยติดสักเท่าไหร่ ทำให้ตอนหลังของการดูเรื่องราวทั้งสิ้นให้หมดนั้น เกือบพูดได้ว่าเป็นความทรมาทรกรรมอย่างยิ่งสำหรับเพื่อการมองซีรีส์สักเรื่อง (จริงๆนะ) แถมรายละเอียดที่เริ่มออกสมุทรไปเรื่อยจวนเจียนเกือบจะได้เป็นแรงวที่โจรสลัดอยู่แล้ว(ฮา) ก็ดันถูกตบกลับมาแบบกระทันหันในส่วนท้ายๆของซีซัน ที่เวลานี้หัวใจหัวใจผู้ชมก็เอือมระอากับเรื่องราวอย่างยิ่ง ทำให้ตอนหลังๆของเรื่องแปลงเป็นการสรุปเงื่อนแล้วก็เฉลยคำตอบความเป็นมาของเรื่องราวได้แสนจะเบาหวิว ไม่มีซึ่งน้ำหนักของความเป็นเหตุเป็นผลอะไรก็ตามเชิญชวนให้คิดถึงเพลงของ The Toy ฉันจะพาคุณลอยยย… ลอยออกสมุทรไปเลยอะจ้ะ แหะ

My Review

Review Form...

Reviews

Loading Reviews...
0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments